วิธีการปลูก
  1. เตรียมระบบน้ำ ยกร่องน้ำหล่อ, สปริงเกอร์, น้ำหยด
  1. เตรียมหลุมในการปลูก ขนาดประมาณ 50x50x50 ซม.
  1. สำหรับมะพร้าวน้ำหอม ปลูกสี่เหลี่ยมจัตุรัส ระยะห่าง 6×6 เมตร ประมาณ 44 ต้น/ไร่(อ่านต่อ..)
  1. สำหรับมะพร้าวแกง ปลูกสลับฟันปลา ระยะห่าง 7×8 เมตร ประมาณ 29 ต้น/ไร่ (อ่านต่อ..)
  1. ถ้าพบว่าในดินมีปลวกหรือหนอนด้วง ให้นำเศษไม้แห้งหรือใบไม้แห้งมาเผาในหลุม แล้วตากหลุมไว้ 1สัปดาห์
  1. ใส่ปุ๋ยคอก (แนะนำมูลไก่แห้ง) + ดินที่ขุดขึ้นมา + ขุยมะพร้าวหรือเศษใบไม้ ผสมให้เข้ากันในอัตราส่วนที่สามารถปรับเปลี่ยนเองได้ **ไม่ควรใส่ปุ๋ยเคมีรองก้นหลุม
  1. นำผลที่ออกหน่อแล้วมาปลูก เอนต้นลงให้ใกล้กับพื้นดิน (แนะนำเอนทางทิศตะวันออก) เพื่อให้ต้นเตี้ยและได้โคนต้นที่สวยงาม
  1. เพื่อให้ต้นโตได้เร็วที่สุดควรกลบดินประมาณ 2/3ของผล ให้แสงแดดส่องถึงลูกด้านบน
  1. นำฟางมาคลุมรอบๆ เพื่อรักษาความชื้น
  1. รดน้ำทุก1- 2วันในช่วงแรก จนกว่าต้นจะแข็งแรงดีImage result for วิธีการปลูกมะพร้าว
การดูแลรักษา
  1. โรยเกลือแกงรอบทรงพุ่ม 1กก./ต้น/ปี อาจจะแบ่งใส่ 3ครั้งก็ได้
  1. ใส่มูลไก่รอบทรงพุ่ม ใส่ได้บ่อยๆ ปีละ 3-4ครั้ง ใช้ได้ทั้งมูลไก่แกลบและมูลไก่ล้วน ใส่ครั้งละ1ถุง ตามความเหมาะสม สามารถปรับเปลี่ยนได้
  • เสริมด้วยปุ๋ยสูตรเสมอ 15-15-15 หรือ 25-7-7 สำหรับต้นที่ยังไม่ให้ผล
  • เสริมด้วยปุ๋ยสูตรเน้นตัวท้าย 8-24-24 สำหรับต้นที่ให้ผลแล้ว
  • สูตรปุ๋ยเพิ่มความหวาน สำหรับมะพร้าวน้ำหอม 13-13-21
  • ใส่ปริมาณ 1-2กิโลกรัม/ต้น/ปี 
การเตรียมหลุมปลูก :ควรเตรียมหลุมปลูกในฤดูแล้ง ขุดหลุมขนาด ๕๐x๕๐x๕๐ เซนติเมตร แยกดินส่วนบนไว้ต่างหาก ตากลุมอย่างน้อย ๑ สัปดาห์ถ้ามีปลวกให้เผาเศษไม้ ใบไม้แห้งในหลุม หรืออาจใช้ยากันปลวกโรยก้นหลุมก็ได้ ถ้าปลูกมะพร้าวในพื้นที่แห้งแล้งหรือดินที่ปลูกเป็น ทรายจัดให้ใช้กาบมะพร้าวก้นหลุม โดยวางกาบมะพร้าวในด้านที่มีเส้นใยหงายขึ้นข้าง บนวางซ้อนกัน ๒-๓ ชั้น เพื่อช่วยเก็บความชื้นในดิน ถ้าไม่มีกาบมะพร้าวจะใช้วัสดุอื่น เช่น ฟางข้าว ใบไม้แห้ง หญ้าแห้ง ฯลฯ แทนก็ได้ ใส่ดินบนที่ผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา ๑:๗ รองก้นหลุมส่วนดินล่างผสมด้วยปุ๋ยฟอสเฟตหลุมละครึ่งกิโลกรัม (ประมาณ ๒กระป๋องนม) เอาดินใส่ลงในหลุมให้เต็ม ทิ้งไว้จนถึงฤดูปลูกวิธีการปลูก :- ควรปลูกในฤดูฝน- ขุดดินบนหลุมปลูกที่เตรียมไว้ให้เป็นหลุมเล็ก ๆ ขนาดเท่าผลมะพร้าว- เอาหน่อที่คัดเลือกแล้วมาตัดรากที่หักช้ำออก ใช้ปูนขาวหรือยากันเชื้อราทาตรงรอยตัด วางหน่อลงในหลุม ให้หน่อตั้งตรง หันหน่อไปในทิศทางเดียวกัน- กลบดินอย่างน้อย ๒/๓ ของผล หรือให้มิดผลมะพร้าวพอดีแต่ระวังอย่า ให้ดินทับโคนหน่อ เพราะจะทำให้หน่อถูกรัด ต้นจะโตช้าแต่เมื่อมะพร้าวโตขึ้นแล้วก็ควรจะกลบ ดินให้สูงขึ้นเพื่อป้องกันโคนลอย- เอาไม้ปักเป็นหลักผูกยึดกับต้นให้แน่น เพื่อป้องกันลมโยกเหยียบดินรอบโคนหน่อให้แน่น- ควรทำร่มให้ในระยะแรก เพื่อลดอัตราการตายเนื่องจากถูกแดดจัดเกินไป- ในบริเวณที่ปลูกถ้ามีสัตว์เลี้ยงให้ทำรั้วป้องกันสัตว์มาทำลาย
ระยะปลูกที่เหมาะสม :ระยะปลูกที่เหมาะสมในการปลูกมะพร้าวน้ำหอม คือ ระยะระหว่างต้น x ระยะระหว่างแถว ๖x๖ เมตรการกำจัดวัชพืช :- ใช้แรงงานคน โดยการถางด้วยจอบ หรือดายด้วยมีด- ใช้เครื่องทุ่นแรง เช่น รถตัดหญ้า รถไถขนาดเล็ก- ปลูกพืชคลุมจำพวกหรือตระกูลถั่ว เช่น คาโลโปโกเนียมเพอร์ราเรีย หรือเซ็นโตรซีมา โดยปลูกห่างจากโคนต้นประมาณ ๒ เมตรการเก็บเกี่ยวมะพร้าว :มะพร้าวน้ำหอมเป็นไม้ผลที่ให้ผลผลิตตลอดปี โดยสามารถเก็บผลมะพร้าวได้ประมาณ ๒๐ วันต่อครั้ง ใน ๑ ปีหากมะพร้าวแทงจั่นทุกครั้งที่ออกทาง ใหม่จะเก็บมะพร้าวได้ทั้งสิ้น ๑๖ ทะลายต่อต้น ซึ่งทะลายใหญ่ ๆ มีผลประมาณ ๑๐-๑๕ ผล ผลผลิตเฉลี่ยปีละ ๗๐-๑๐๐ ผลต่อต้น หรือประมาณ ๓๐๐๐-๔๐๐๐ ผลต่อไร่ ระยะที่เหมาะ สำหรับเก็บมะพร้าวมากที่สุดคือมะพร้าวเนื้อสองชั้นมีเนื้อเต็มกะลา เนื้อหนาอ่อนนุ่มซึ่งอายุหลังจากจั่นเปิดประมาณ ๒๐๐ – ๒๑๐ น้ำมีความหนาประมาณ ๖.๖-๗ เปอร์เซ็นต์บริกซ์ (ฺBrix)ตลาดมะพร้าวน้ำหอมในประเทศ :๑.ขายทั้งทะลาย๒.มะพร้าวควั่น๓.มะพร้าวเจียน๔.มะพร้าวเผาเอามะพร้าวเจียนไปต้มในน้ำเดือด ๑๐ นาที นำไปผึ่งให้แห้งแล้วใช้ไฟจากหัวแก๊สเผาหัว และก้นมะพร้าวให้ดำพอประมาณ๕.น้ำมะพร้าวพร้อมดื่ม โดยบรรจุในถุงหรือขวดที่สวยงามพร้อมจำหน่ายตลาดมะพร้าวน้ำหอมที่ส่งไปขายต่างประเทศ :มีเพียงมะพร้าวควั่นและมะพร้าวเจียนเท่านั้นการเพิ่มรายได้ในสวนมะพร้าว :เนื่องจากมะพร้าวจะเริ่มให้ผลหลังจากปลูกไปแล้วประมาณ ๓-๔ ปี ดังนั้น ในขณะที่ต้นยังเล้กอยู่ จึงควรปลูกพืช แซมระหว่างแถวมะพร้าวประเภทพืชที่มีอายุสั้น อาจเป็นพืชไร่ เช่น สับปะรด ถั่วต่าง ๆ หรือพืชผัก เช่น ฟักทอง แตงกวา แตงโม ข้าวโพดหวาน เป็นต้น นอกจากนี้ ถ้าหากมีผลพันธุ์ มะพร้าวจำนวนมาก ยังสามารถนำมาปลูกเป็นพืชแซม ระหว่างแถวของมะพร้าวโดยปลูกระยะชิดตั้งแต่ ๒ เมตรขึ้นไป ภายในระยะเวลา ๒-๓ ปี ก็สามารถ ตัดยอดไปขายได้สร้างรายได้ให้แก่เกษตรกรประมาณ ๑๐๐ บาท/ยอด ซึ่งปัจจุบันนี้กำลังเป็นที่นิยมรับประทาน เนื่องจากมีรสชาติดีและปลอดภัยจากสารเคมี




ความคิดเห็น